ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ) อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ  (อ่าน 2037 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28964
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ) อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ

ช่วงปี พ.ศ.2505 มีข่าวใหญ่สะเทือนวงการสงฆ์ เมื่อพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จรูปหนึ่ง ถูกกล่าวหาต้องอธิกรณ์ว่ามีพฤติกรรมบ่อนทำลายชาติและพระศาสนา ผู้กล่าวหา คือ รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และคณะสังฆมนตรีชุด พ.ศ.2503

ผู้ถูกกล่าวหา คือ พระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ) อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ ผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อวงการสงฆ์ไทย

กาลต่อมา ท่านได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช

 :96: :96: :96: :96:

มีนามเดิม คำตา ดวงมาลา ต่อมาเปลี่ยนเป็น “อาจ” เกิดเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2446 ที่บ้านโต้น ต.บ้านโต้น อ.เมือง จ.ขอนแก่น

พ.ศ.2459 บรรพชาที่วัดศรีจันทร์ ต.บ้านโต้น จ.ขอนแก่น โดยพระอาจารย์หน่อ เจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ เรียนอักษรลาวและหนังสือไทยควบคู่กันไป มีพระอาจารย์หนู เป็นครู จนมีพื้นฐานทางอักษรลาวและภาษาไทย

พ.ศ.2460 สมัครเข้ารับการอบรมวิชาครูที่โรงเรียนประจำจังหวัด สอบไล่ได้เป็นอันดับ 4 บรรจุเป็นครูประชาบาลอยู่ 3 ปี ก็ลาออกเพื่อมาศึกษาพระปริยัติธรรมในกรุงเทพฯ

ช่วงแรกมาพำนักชั่วคราวที่วัดพระยายัง แล้วย้ายไปอยู่วัดชนะสงคราม สมัครเรียนบาลี-นักธรรมที่มหาธาตุวิทยาลัย วัดมหาธาตุ

แล้วจึงย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุในความปกครองของสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมไตรโลกาจารย์

 st11 st11 st11 st11

พ.ศ.2466 อุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดมหาธาตุ โดยมีสมเด็จพระวันรัต (เฮง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระธรรมปัญญาบดี (สวัสดิ์ กิตฺติสาโร) เป็นพระกรรมวาจาารย์ และพระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทัตโต) เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ท่านพยายามฝึกฝนตนเองอย่างเต็มที่ ทั้งบุคลิก ลักษณะ ความประพฤติปฏิบัติ และความขยันหมั่นเพียร จนสำเร็จเป็นเปรียญธรรม 8 ประโยค เพียง 12 พรรษา ก็ได้รับโปรดเกล้าฯ สมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุธรรมมุนี ก่อนขึ้นเป็นชั้นราชในราชทินนามเดิม ชั้นเทพที่พระเทพเวที ชั้นธรรมที่พระธรรมไตรโลกาจารย์

สุดท้ายได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี พ.ศ.2528 เป็นพระมหาเถระฝ่ายอภิธรรมปิฎก และมีความรู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน เป็นแบบอย่างในสายวัดมหาธาตุสืบมา

ท่านเป็นพระมหาเถระที่มีบทบาทต่อคณะสงฆ์ไทยอย่างสูง ทั้งทำนุบำรุงกิจการที่มีอยู่แล้วให้เจริญวัฒนาขึ้น และต่อเติมเสริมสร้างสิ่งที่ยังไม่มี อาทิ ด้านการปกครอง เป็นสมาชิกสังฆสภา เจ้าคณะตรวจการภาค 4 สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง ฯลฯ

 :25: :25: :25: :25:

ด้านการศึกษา เป็นผู้อำนวยการศาสนศึกษา กรรมการแปลพระไตรปิฎก เป็นหัวหน้าตรวจสำนวนฝ่ายพระอภิธรรม ฯลฯ

ด้านการเผยแผ่ เป็นพระธรรมถึก หัวหน้าคณะปรับปรุงและส่งเสริมพระศาสนาภาคพายัพ รองหัวหน้าคณะสมณทูตไปเจริญศาสนไมตรีประเทศพม่า จัดประชุมพระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศ 25 ปี เดินทางรอบโลกเผยแผ่การศาสนาและวัฒนธรรม ส่งพระภิกษุนักเรียนพุทธศาสนบัณฑิตไปศึกษาต่อปริญญาโท ปริญญาเอกในต่างประเทศ การขอพระอาจารย์ชั้นธรรมาจริยะจากประเทศพม่ามาช่วยสอนพระอภิธรรมปิฎก

ฟื้นฟูวิปัสสนาธุระ ด้วยการจัดตั้งสำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานขึ้นที่วัดมหาธาตุเป็นแห่งแรก เสริมสร้างให้วัดมหาธาตุฝึกสอนวิชาพระพุทธศาสนาเต็มบริบูรณ์ ทั้งฝ่ายคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จนเป็นสำนักศึกษาใหญ่ของพระภิกษุสามเณร และพุทธศาสนิกชนมาจนถึงปัจจุบัน

 st12 st12 st12 st12

จากจุดเริ่มต้นด้วยการเป็นพระนักเผยแผ่ ก้าวขึ้นมาเป็นนักปกครอง และเป็นพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จ ด้วยวัยเพียง 46 ปี บ่งบอกถึงความสามารถขั้นเอกอุ

แต่ที่พิสูจน์จิตใจของท่านเปี่ยมด้วยคุณธรรมสูงส่ง จนสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ คือเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในระหว่าง พ.ศ.2505-2509 ด้วยความที่อุตสาหะวิริยะ จนทำให้การศึกษาพระอภิธรรมปิฎกมาสถิตอยู่ในเมืองไทย

ส่งผลให้ถูกกล่าวหาโดยไม่มีมูลว่า บ่อนทำลายความสามัคคีของคณะสงฆ์และถูกป้ายสี ว่ามีการ กระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ จนถูกจับสึกแล้วนำไปคุมขังเป็นเวลายาวนานถึง 5 ปี โดยคณะรัฐบาลยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

แม้จะถูกบังคับจับสึก ถอดจากเจ้าอาวาส จากสมณศักดิ์ ปลดหน้าที่การงานทางคณะสงฆ์ทุกตำแหน่ง ท่านยอมทุกอย่าง แต่สิ่งที่ท่านไม่ยอมรับคือ ยังคงยืนยันในความเป็นผู้บริสุทธิ์ ตลอดเวลาที่ถูกคุมขัง ท่านยังรักษาประพฤติปฏิบัติเคร่งครัดตามพระธรรมวินัย และนุ่งขาวห่มขาว กระทั่งกลับคืนสู่ร่มกาสาวพัสตร์อย่างสง่างามอีกครั้ง

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ) มรณภาพด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2532 สิริรวมอายุ 86 ปี



คอลัมน์ อริยะโลกที่6 : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ) อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ
https://www.khaosod.co.th/amulets/news_248528
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28964
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
จงชนะความร้าย ด้วยความดี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 14, 2017, 10:25:26 am »
0
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาจสภมหาเถระ) ภาพจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค


จงชนะความร้ายด้วยความดี
ประพันธ์โดยพระพิมลธรรมผู้เคยถูกจับสึก

คิดถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาจสภมหาเถระ 8พ.ย.2446-8 ธ.ค.2532) อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชใน พ.ศ. 2532 ในอดีต เคยดำรงสมณศักดิ์ พระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ) และถูกอำนาจเผด็จการของจอมพล สฤษดิ์ กล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์และถูกจับสึกถอดผ้าเหลืองแต่ท่านไม่ยอมเปล่งลาสิกขา ถูกจำคุกที่กองปราบเป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2505-2509 และภายหลังรัฐบาลคึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ทำการขอขมาและคืนสมณศักดิ์ให้กับท่านในปี พ.ศ. 2518 ท่านได้แต่งกลอนว่าด้วยเรื่อง จงชนะความร้ายด้วยความดี ท่านแต่งไว้ได้อย่างกินใจและลึกซึ้งมากครับ

    ความร้ายในโลกล้วน  เหลือหลาย
    รุมรอบรบใจกาย  เกลื่อนแท้
    สิ่งอื่นจักหักหาย  หาห่อน มีฤๅ
    เว้นแต่ความดีแท้  กลับร้ายกลายดี

 
พระพิมลธรรมเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์อย่างยิ่งให้กับพระพุทธศาสนาด้วยการเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก เป็นผู้ที่ได้นิมนต์พระสงฆ์จากพม่ามา 2 รูป คือ พระสัทธัมมโชติกะ มาเปิดการสอนอภิธรรม และพระภัททันตะอาสภะมหาเถระ  เพื่อมาสอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน4 (พองหนอ-ยุบหนอ) ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีการสอนเผยแพร่ไปทั่วประเทศ ด้วยการวางรากฐานของท่านพิมลธรรม
 
     ชีพธรรม คำวิเศษณ์


บันทึกของไตร ชีพธรรม คำวิเศษณ์
http://oknation.nationtv.tv/blog/trimemory/2013/12/10/entry-1



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 14, 2017, 10:27:55 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ