ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จักรวาลนี้มีแค่สี่ และนี่คือหนึ่งในสี่..พระเขี้ยวแก้ว วัดมัลลิกา ศรีลังกา  (อ่าน 4292 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28908
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ภาพพระเขี้ยวแก้ว ที่วัดมัลลิกา(วัดพระเขี้ยวแก้ว)เมืองแคนดี้ ศรีลังกา

พระเขี้ยวแก้ว วัดมัลลิกา เมืองแคนดี้ ศรีลังกา

     เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทรงปรินิพพานเมื่อวันเพ็ญ เดือน ๖ วิสาขบูชา ก็ได้มีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ โดยโทณพราหมณ์ ซึ่งในส่วนของพระทันตธาตุที่เป็นพระเขี้ยวแก้ว
     อันเป็นที่ตั้งของการแสดงธรรมของพระพุทธองค์ มีอยู่ 4 องค์
         - องค์ที่หนึ่งอยู่ที่เมืองนาค
         - องค์ที่สองอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
         - องค์ที่สามอยูที่คันธรัฐ
         - องค์ที่สี่อยู่ที่ศรีลังกา


     สำหรับประวัติของพระเขี้ยวแก้วที่ประเทศศรีลังกานั้น ตามประวัติที่ได้กล่าวกันมาคือ พระเถระรูปหนึ่งได้นำพระเขี้ยวแก้วไปมอบให้กับ พระเจ้าพรหมทัตต์ แห่งนครทันตปุระ

     ต่อมาสมัยพระเจ้าคุหะสีวะ ได้มีข้าศึกมาประชิดเมือง พระองค์ทรงเป็นห่วงพระเขี้ยวแก้ว จึงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าหญิงเหมมาลา ราชธิดากับเจ้าชายทันตกุมาร ซึ่งเป็นพระนัดดาและพระสวามีของเจ้าหญิงเหมมาลา  ให้นำพระเขี้ยวแก้วไปสู่เกาะลังกา  ทั้งสองพระองค์ต้องปลอมตัวเป็นพราหมณ์  ซ่อนพระเขี้ยวแก้วไว้ที่มวยผมของ

     เจ้าหญิงเหมมาลาและต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย และเมื่อไปถึงก็ได้นำถวายแด่ พระเจ้าเกียรติเมฆวรรณ ที่นครอนุราธปุระ เกาะลังกา


ภาพเจ้าชายทันตกุมารกับเจ้าหญิงเหมมาลา นำพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ในมวยผม เดินทางสู่เกาะลังกา


     พระเขี้ยวแก้วก็ประดิษฐานอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ตั้งแต่บัดนั้นและเมื่อย้ายเมืองหลวง ก็จะอันเชิญพระเขี้ยวแก้วไปประดิษฐานด้วย ซึ่งประมาณปี พ.ศ.2228-2250 พระเจ้าวิมลธรรมสุริยะที่ 2 ได้อันเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานไว้ ณ วัดมัลลิกา หรือเรียกกันว่า วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ จนถึงปัจจุบัน

ภาพ วัดมัลลิกาหรือวัดพระเขี้ยวแก้ว อันเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว


ภาพ ภายในวัดอันเป็นทางไปสู่ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว


ภาพ ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว


ในทุกๆ 4-5 ปี ทางศรีลังกาก็จะมีการเปิดพระเขี้ยวแก้ว ให้บูชาและจัดพิธีสมโภชอย่างยิ่งใหญ่

ภาพ  พิธีการเปิดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งบรรจุอยู่ในเจดีย์ทองคำ


ภาพ พระเขี้ยวแก้ว


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=15109
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 12, 2012, 11:06:57 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28908
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


'ปู'เปิดงานพุทธชยันตีที่วัดพระสิงห์

"ยิ่งลักษณ์" เป็นประธานเปิดงานฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่วัดพระสิงห์ มจร.พร้อมจัดประชุมชาวพุทธโลก พระธรรมโกศาจารย์ชี้ความมั่นคงของมนุษย์ต้องอาศัยหลักพระพุทธศาสนายึดพระราชดำรัสในหลวง

      เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 11 พฤษภาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเป็นประธานในงานฉลองพุทธชยันตี  2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายประพล  มิลินทจินดา รองประธานมูลนิธิและผู้จัดการมูลนิธิพระรัตนตรัย เข้าร่วมพิธี

      อันดับแรกน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ชมขบวนที่เดินทางจากอนุสาวรีย์สามกษัตริย์เข้าสู่วัดพระสิงห์
      ประกอบด้วยขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระทันตธาตุ
      จากวัดพระเขี้ยวแก้ว ประเทศศรีลังกา ที่อยู่บนคชาธาร (หลังช้าง) พรายเอกสิทธิ์

     

 รวมถึงขบวนอัญเชิญธงพุทธยันตี 85 ชีวิต ขบวนหญิงสาวในชุดล้านนาโปรยดอกไม้ ขบวนกองล้านนา ขบวนอัญเชิญเครื่องสักการะ เสลี่ยงอัญเชิญพระแก้วมรกตโบราณ พระพุทธชยันตีพระคันธารราฏร์ พระไภษัชยคุรุไวทูรยประภาตถาคต และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

      หลังจากนั้นม.ล.ปนัดดาได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระทันตธาตุขึ้นสู่วิหารหลวง ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อัญเชิญเครื่องสักการะขึ้นบนวิหารหลวง และเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม และประธานมูลนิธิพระรัตนตรัยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  สยามมกุฎราชกุมาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

      นายประพล  กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวโลกที่เรียกว่า พุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยรัฐบาลได้กำหนดให้มีการเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี สำหรับเชียงใหม่จัดงานฉลองขึ้นระหว่างวันที่ 11-20  พฤษภาคมที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.komchadluek.net/detail/20120511/130116/ปูเปิดงานพุทธชยันตีที่วัดพระสิงห์.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 12, 2012, 11:07:15 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28908
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ท่องไปในแดนธรรม - 'พระเขี้ยวแก้ว' ทันตธาตุแห่งสิงหล ลังกาทวีป

วัดมัลลิกา ดาลดา หรือ วัดพระเขี้ยวแก้ว แห่งเมืองแคนดี ประเทศศรีลังกา เป็นสถานที่ประดิษฐาน พระทันตธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระเขี้ยวแก้ว เพียงองค์เดียว ที่ปรากฏบนโลกมนุษย์ โดยมีหลักฐานรองรับความถูกต้องตรงตามพระคัมภีร์มหาวังศา ด้วยว่าพระทันตธาตุ หลังจากการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ มีอยู่ด้วยกัน ๔ องค์ คือ

    องค์ขวาบน ประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์เกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    องค์ขวาล่าง อยู่ที่แคว้นคันธารราษฎร์ คือ ประเทศปากีสถานในปัจจุบัน และหายสาบสูญไปแล้ว
    องค์ซ้ายล่าง อยู่ที่นาคพิภพบาดาล
    และสุดท้าย คือ องค์ซ้ายบน ประดิษฐาน ณ เกาะลังกา แห่งนี้


    นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๙ พระเขี้ยวแก้วได้ประดิษฐานอยู่บนแผ่นดินแห่งนี้มาโดยตลอด มิเคยถูกนำออกนอกดินแดนเลย ตั้งแต่ถูกอัญเชิญมาจากชมพูทวีป โดย เจ้าหญิงเหมมาลา แห่งแคว้นกาลิงคะ เมื่อกว่า ๑,๗๐๐ ปีก่อน ชาวศรีลังกา ต่างถวายความเคารพต่อพระทันตธาตุอย่างสูงสุด โดยเชื่อกันว่า หากเมื่อใดพระเขี้ยวแก้วถูกนำออกนอกเกาะลังกาแล้ว จะนำภัยพิบัติมาสู่ประเทศชาติ

   และยังเชื่อว่า หากเมื่อใดที่เกิดทุกข์ภัยขึ้น การเปิดอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วออกให้ผู้คนสักการบูชา จะสามารถขจัดเภทภัยต่างๆ ได้ โดยจะมีการจัดพิธีสมโภช เปิดอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ในช่วงราวทุก ๔-๕ ปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นในระหว่าง วันที่ ๖-๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒   


ห้องเก็บพระเขี้ยวแก้ว


  ทุกวันนี้ ชาวศรีลังกายังคงระลึกถึง เมื่อคราวอังกฤษยกทัพเข้ามายึดกรุงศรีวัฒนาปุระแคนดีแห่งนี้ เมื่อ พ.ศ.๒๓๕๒ ทหารลังกาทุกนายยอมวางอาวุธแต่โดยดี เมื่อทราบว่า อังกฤษสามารถยึดพระเขี้ยวแก้วไว้ได้แล้ว หากมิฉะนั้น การสู้รบก็คงจะยืดเยื้อ ด้วยทหารลังกายังหมายจะต่อสู้โจมตีพวกอังกฤษต่อไป ไม่คิดยอมจำนน

    หลังจากพวกอังกฤษยึดเอาพระเขี้ยวแก้วไว้ ก็เกิดความแห้งแล้งอย่างหนัก ติดต่อกันหลายปี เกิดความทุกข์ยากแสนสาหัสทั่วประเทศ ชาวลังกาจึงเจรจากับผู้ปกครองอังกฤษ ขออนุญาตให้มีการนำพระเขี้ยวแก้วมาเปิดบูชาตามประเพณีโบราณ ฝ่ายอังกฤษก็ยินยอม

    ในระหว่างทำพิธีนั้นเอง ท้องฟ้าที่เคยปราศจากเมฆฝนมาหลายปี
    ก็บังเกิดฝนเทลงมา สร้างความชุ่มฉ่ำ 
    และอัศจรรย์ใจให้ผู้คนที่พบเห็น แม้กระทั่งพวกอังกฤษก็เช่นกัน

    ปาฏิหาริย์ของพระเขี้ยวแก้ว เป็นเรื่องที่ชาวศรีลังกาเล่าขานกันมิรู้เบื่อ 


เจดีย์ทองคำบรรจุพระเขี้ยวแก้วชั้นในสุด


    พิธีการเปิดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งบรรจุอยู่ในเจดีย์ทองคำ และผอบทองคำเจ็ดชั้น ประดิษฐานในห้องกระจกกันกระสุนอย่างแน่นหนา การนำออกมาให้สาธุชนสักการบูชานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
    เพราะกุญแจที่ใช้เปิดพระเจดีย์ทองแต่ละชั้น มีถึง ๓ ดอก แยกกันถือโดย
    พระมหาสังฆนายก (เทียบได้กับพระสังฆราช) สยามนิกาย ๒ องค์ที่ปกครองฝ่ายคามวาสี และอรัญวาสี
    ส่วนกุญแจอีกดอก อยู่กับตัวแทนของฝ่ายฆราวาส อันมาจากการเลือกตั้งจากผู้มีเกียรติ อันเป็นที่ยอมรับของทั้งทางฝ่ายศาสนาและประชาชน มีตำแหน่งเรียกว่า “นิละเม” ซึ่งทั้ง ๓ ท่านนี้จะต้องมาโดยพร้อมเพรียงกัน ถึงจะเปิดได้


    ระหว่างการเปิด คณะกรรมการจะถอดสายสร้อย สายสังวาล เครื่องเพชร เครื่องทองต่างๆ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่ามหาศาล ที่ชาวพุทธศรีลังกา ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ในอดีต จนถึงชาวบ้านปัจจุบัน ได้ถอดคล้องถวายเป็นพุทธบูชา จำนวนมากมาย จนต้องทำบัญชีบันทึกไว้ทุกชิ้น ในทุกครั้งที่ทำการเปิดพระเขี้ยวแก้ว


เครื่องประดับบนเจดีย์ทองคำ

   
    การเปิดพระเขี้ยวแก้ว เริ่มจากพระเจดีย์ทององค์ใหญ่ชั้นนอกสุด เข้าไปหาพระเจดีย์ทองที่ลดหลั่นเล็กลงไปอีก ๔ ชั้น ชั้นในจะพบผอบหิน และผอบทองคำฝังอัญมณี และเมื่อเปิดออก ก็จะเป็นกลักทองประดับเพชรพลอยล้ำค่า ซึ่งเป็นที่บรรจุ พระทันตธาตุ ชั้นในสุด

    พระเขี้ยวแก้ว จะอัญเชิญนำออกมาประดิษฐานสอดในห่วงเส้นทองคำปักบนฐาน อัญเชิญไว้ในเจดีย์แก้วขนาดใหญ่ เพื่อให้สาธุชนเห็นได้ชัดเจนระยะไม่กี่เมตร

    ท่ามกลางการแห่ประโคมของช่างฟ้อน ช่างดนตรี เสียงปี่กลองมังคละดังกระหึ่ม ขับความชั่วร้ายทั้งปวงให้ออกไปจากมณฑลพิธี ภาพชาวศรีลังกาที่แออัดกันเพื่อที่จะขอมีโอกาสสักครั้งในชีวิต ได้กราบนมัสการพระเขี้ยวแก้ว หลั่งไหลกันมาราวกับสายน้ำ

    จำนวนผู้คนนับแสน ที่ต่อแถวกันด้วยอาการสงบ ยาวออกไปด้านนอกวัด นับหลายกิโลเมตร ต่างคนมาจากต่างเมือง มาเป็นครอบครัวเดียวกัน ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า เพื่อที่จะขอสักครั้งเข้าไปกราบนมัสการพระทันตธาตุ มิพักที่จะต่อแถวตั้งแต่ตีสี่ตีห้า กว่าจะได้เข้าไปกราบเพียงไม่กี่อึดใจตอนประมาณบ่ายสามโมงเย็น แล้วเดินยิ้มหน้าใสออกมา เพียงเพื่อจะมาต่อแถวใหม่อีกครั้ง


พระเขี้ยวแก้ว


    พระทันตธาตุ สัณฐานคล้ายดอกจำปีตูมปลายสอบ สีเหลืองอมส้ม
    ตรงปลายสอบเล็กน้อย มีขนาดใหญ่กว่าฟันมนุษย์ธรรมดา


    พระเขี้ยวแก้วนี้ย่อมเป็นของแท้จริงอย่างแน่นอน แท้จริงด้วยพระคัมภีร์โบราณ ที่มีการสืบทอดมานานนับพันปี แท้จริงด้วยความศรัทธาอันแรงกล้าของชาวพุทธลังกา ผู้ปราศจากวิกิจฉาลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย แท้จริงด้วยจิตใจอันงดงามบริสุทธิ์ อันยึดเอาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ เพ่งรวมกันเป็นพลังแรงกล้า ซึมซ่านอาบอวลทุกอณูอากาศทั่วบริเวณเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์นี้  คุณล่ะรู้สึกได้ไหม ?

    ท่ามกลางความไม่สงบของเหตุการ์ทางการเมืองในศรีลังกา สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปร่วมงานสมโภชเปิดพระทันตธาตุเขี้ยวแก้ว ณ เมืองแคนดี ประเทศศรีลังกา ในระหว่างวันที่ ๖-๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒ รวมทั้งแสวงบุญที่ศรีลังกา สอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่โทร. ๐-๒๒๔๗-๒๕๑๗ ถึง ๒๐

 
ขบวนช้างแห่พระเขี้ยวแก้ว

เรื่อง /ภาพ.. "ไตรเทพ ไกรงู"
ขอบคุณข้อมูลแลภาพจาก http://www.komchadluek.net/detail/20090213/2530/ท่องไปในแดนธรรมพระเขี้ยวแก้วทันตธาตุแห่งสิงหลลังกาทวีป.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ